วันอาทิตย์ที่ 8 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558
พระราชประวัติ
สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงเป็นพระราชธิดา
องค์ที่สองในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถ
พระนามเดิมว่า สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิรินธรเทพรัตนราชสุดา
กิติวัฒนาดุลโสภาคย์ ประสูติเมื่อวันเสาร์ที่ ๒ เมษายน ๒๔๙๘ ณ พระที่นั่งอัมพรสถาน
พระราชวังดุสิต โดยศาสตราจารย์ นายแพทย์หม่อมหลวงเกษตร สนิทวงศ์ เป็นผู้ถวาย
การประสูติ และทรงมีพระนามที่บรรดาข้าราชบริพารเรียกกันทั่วไปว่า "ทูลกระหม่อมน้อย"
สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงเริ่มการศึกษาระดับ
อนุบาลในเดือน กรกฎาคม พ.ศ.๒๕๐๒ ที่โรงเรียนจิตรลดา ในบริเวณพระตำหนัก
จิตรลดารโหฐาน ขณะนั้นพระชนมายุได้ ๓ พระชันษาเศษ ทรงมีพระสหายร่วมชั้นเรียน
อีก ๒๐ คน ซึ่งมาจากบุตรหลานของพระบรมวงศานุวงศ์ ข้าราชการ ตลอดจนมหาดเล็ก
ผู้ได้รับพระมหากรุณาธิคุณให้มาร่วมเรียนด้วยโดยปราศจากชั้นวรรณะ วิชาที่ทรงศึกษา
ในชั้นอนุบาลนี้ คือ วิชาภาษาไทย ภาษาอังกฤษ เลขคณิต และขับร้อง พระอาจารย์ที่ถวาย
พระอักษรขณะนั้นได้แก่ อาจารย์ท่านผู้หญิงทัศนีย์ บุณยคุปต์, อาจารย์คุณหญิงอังกาบ
บุณยัษฐิติ และอาจารย์คุณหญิงสุนามัน ประนิช ทั้งนี้ปรากฎว่า สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ
สยามบรมราชกุมารี โปรดโรงเรียน พระอาจารย์ และ พระสหายเป็นอันดี
เมื่อทรงเรียนจบชั้นประถมศึกษาตอนปลาย ได้ทรงสอบร่วมกับนักเรียนทั่วประเทศ
โดยใช้ข้อสอบกระทรวงศึกษาธิการ และสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี
ทรงสอบได้ที่หนึ่ง ได้คะแนนรวมร้อยละ ๙๖.๖๐ อันเป็นคะแนนสูงสุดสำหรับระดับชั้น
ประถมศึกษาปีที่เจ็ด จึงทรงได้รับพระราชทานรางวัลเรียนดีจาก
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในงานแสดงศิลปหัตถกรรมนักเรียน ครั้งที่ ๓๑ ณ
กรีฑาสถานแห่งชาติ เมื่อวันที่ ๑ ธันวาคม ๒๕๑๑ ระหว่างที่ทรงศึกษาอยู่นี้ เป็นที่ทราบกัน
โดยทั่วไปว่า สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงพระปรีชาสามารถ
ในวิชาแทบทุกด้าน เช่น ภาษาไทย ภาษาต่างประเทศ ภูมิศาสตร์ ประวัติศาสตร์ รำไทย
ดนตรีไทย และวาดเขียน เป็นต้น ซึ่งมักจะทรงได้คะแนนมากว่าพระสหายในชั้นเดียวกัน
อยู่เสมอ นอกจากนี้ยังโปรดทรงหนังสือมาตั้งแต่ทรงพระเยาว์ และทรงพระปรีชาสามารถ
ในทางร้อยแก้วและร้อยกรองอย่างยิ่ง ทรงเริ่มบทพระนิพนธ์ต่างๆตั้งแต่เมื่อทรง
พระชนมายุได้เพียง ๑๒ พระชันษา เป็นต้นมา บทพระราชนิพนธ์เหล่านี้ได้รับการตีพิมพ์
แพร่หลายในหนังสือหลายเล่ม ตัวอย่างเช่น "อยุธยา" "เจ้าครอกวัดโพธิ์" " ศาสนาเกิดขึ้น
ได้อย่างไร" เป็นต้น บทพระราชนิพนธ์ที่รู้จักกันดีในปัจจุบันคือ"พุทธศาสนสุภาษิตคำโคลง"
ซึ่งทรงถอดมาจากภาษาบาลี และ "กษัตริยานุสรณ์" ซึ่งทรงทูลเกล้าฯ ถวายสมเด็จพระนาง
เจ้าพระบรมราชินีนาถ เนื่องในวันเฉลิมพระชนมพรรษา ประจำปี ๒๕๑๖ (ขณะนั้นสมเด็จ
พระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงมีพระชนมายุเพียง ๑๘ พระชันษา)
วันอาทิตย์ที่ 18 มกราคม พ.ศ. 2558
พระเทพรัตนราชสุดาฯ
พระปรีชาสามารถ
ด้านภาษา
ในด้านภาษา ทรงศึกษาภาษาต่างประเทศหลายภาษา ไม่ว่าจะภาษาตะวันออกคือ บาลี-สันสกฤต เขมรและจีน หรือภาษาตะวันตกคือ อังกฤษ ฝรั่งเศสและเยอรมันได้ทรงใช้ภาษาเหล่านี้เป็นประโยชน์ในการเสด็จพระราชดำเนินเยือนต่างประเทศอยู่เนืองๆ นอกเหนือจากการใช้ภาษาในการสื่อสาร ยังทรงเชี่ยวชาญในบางภาษาจนถึงทรงประพันธ์
ด้านการประพันธ์
ด้านการประพันธ์ พระราชนิพนธ์ที่ทรงไว้มีจำนวนมากมาย ที่เป็นร้อยกรองนั้นมีบทร้อยกรองพระราชนิพนธ์คำฉันท์ดุษฎีสังเวยและกาพย์ขับไม้ บทร้อยกรองเบ็ดเตล็ดและบทร้อยกรองสำหรับเนื้อเพลงทั้งเพลงไทยและเพลงไทยสากล ที่เป็นร้อยแก้วมีทั้งพระราชนิพนธ์ด้านวิชาการ วรรณกรรมสำหรับเยาวชน และพระราชนิพนธ์ที่ทรงบันทึกเรื่องราวการเสด็จพระราชดำเนินต่างประเทศแต่ละครั้ง นับตั้งแต่เล่มแรกคือ”ย่ำแดนมังกร”เมื่อเสด็จฯเยือนประเทศจีนในปี ๒๕๒๔ เป็นต้นมา จนถึงปัจจุบันมีพระราชนิพนธ์ในลักษณะบันทึกการเดินทางยังต่างแดนเช่นนี้หลายสิบเล่มแล้ว
ด้านดนตรี
เมื่อทรงพระเยาว์ ทรงเรียนดนตรีไทยที่โรงเรียนจิตลดา ทรงใฝ่พระทัยศึกษาเชี่ยวชาญในเครื่องดนตรี ซอด้วง ซอสามสาย ซออู้ จเข้ ระนาด และขลุ่ย ครูดนตรีไทยของพระองค์ได้แก่ ครูนิภา อภัยวงศ์, ครูจินดา สิงหัตน์, ครูเทวาประสิทธิ์ พาทยโกศล เป็นต้น ทรงเรียนระนาดเอกกับ ครููสิริชัยชาญ ฟักจำรูญ และเสด็ขทรงดนตรีประจำที่บ้านปลายเนินตั้งแต่ พ.ศ. 2528 เป็นต้นมา
เมื่อทรงเข้าศึกษาต่อท่ีจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ก็ทรงดนตรีกับพระสหายในชมรมดนตรีไทย และทรงเรียนขับร้องเพลงไทยกับอาจารย์เจริญใจ สุนทรวาทิน ในด้านการขับร้องเพลงไทยทำนองเสนาะ พระองค์ทรงเรียนกับอาจารย์กำชัย ทองหล่อ และอาจารย์เจริญใจ สุนทรวาทิน ส่วนการประพันธ์บทเพลงนั้น ทรงนิพนธ์เพลงลูกทุ่งเพลงเป็นแรกในปี พ.ศ. ๒๕๑๓ ชื่อเพลงส้มตำ เพลงอื่นๆที่ทรงนิพนธ์ไว้ได้แก่ เพลงเต่ากินผักบุ้ง, เพลงพญาโศก เพลงดุจบิดามารดร และเพลงลอยประทีปเถา
นอกจากดนตรีไทยแล้ว พระองค์ยังทรงดนตรีสากลด้วย โดยทรงเริ่มเรียนเปียโนตั้งแต่พระชนมายุ ๑๐ พรรษา แต่ได้ทรงเลิกเรียนหลังจากนั้น ๒ ปี และทรงฝึกเครื่องดนตรีสากล ประเภทเครื่องเป่า จากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว จนสามารถทรงทรัมเปตนำวงดุริยางค์ในงานคอนเสิร์ตสายใจไทย และทรงระนาดฝรั่งนำวงดุริยางค์ในงานกาชาดคอนเสิร์ต
ด้านศิลปะ
ในด้านศิลปะทรงเริ่มสนพระทัยการวาดภาพจากการได้ทอดพระเนตรพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงวาดภาพสีน้ำมันและขอพระราชทานสีที่เหลือมาทรงวาดบ้าง จากนั้นก็ได้ทรงงานด้านนี้ตามพระราชอัธยาศัยโดยมิได้ทรงฝึกฝนเป็นพิเศษ ทรงเป็นศิลปินที่ไม่หยุดนิ่ง ทรงทดลองเทคนิคต่างๆและการใช้สี ทรงสร้างงานศิลปะจากสื่อหลากชนิดและวัสดุเหลือใช้ รวมทั้งทรงใช้คอมพิวเตอร์ในการวาดภาพนอกจากการวาดภาพ ยังสนพระทัยในด้านศิลปะเครื่องเคลือบดินเผา ได้ทรงงานปั้นไว้จำนวนไม่น้อยสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯทรงได้รับครอบครูช่างจากหลวงวิศาลศิลปกรรม(เชื้อ ปัทมจินดา) นับเป็นนิมิตหมายอันประเสริฐแก่การเป็นช่างเขียน ช่างปั้น ซึ่งเป็นงานศิลปะอีกแขนงหนึ่งที่ทรงสนพระทัย
http://www.sac.or.th/exhibition/princess/abilities/art/
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)